จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ข้อความแจ้งปัญหาในดอส

เนื่องจากบทความฉบับที่แล้ว ผมได้กล่าวถึงคำสั่งต่างๆ ของ DOS ซึ่งหลายๆ คนอาจจะลืมไปแล้ว(รวมถึงผมด้วย) ผมจึงขอรีวิวส่วนของข้อความแจ้งปัญหาใน DOS เพื่อใช้ในการตรวจสอบโปรแกรมต่างๆ เริ่มกันเลยนะครับ
ในการทำงานบนดอสบางครั้งก็เกิดปัญหาได้บ่อยๆ เหมือนกันนะครับ ซึ่งการเกิดปัญหาแต่ละครั้งก็จะมีข้อความแจ้งให้ทราบ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุจากอะไร ต่อไปนี้เป็นข้อความแจ้งปัญหาที่มักพบได้บ่อยๆ เช่น
Abort, Retry, Fail ?
จะพบได้ในกรณีที่ไดร์ฟไม่มีแผ่นดิสก์อยู่แล้วเรียกใช้ข้อมูลจากไดร์ฟนั้น การแก้ไขก็นำแผ่นดิสก์ที่ต้องการใช้มาใส่เข้าไป
กดปุ่ม < R > (Retry) : การทำงานจะทำต่อจากงานที่ค้างอยู่ก่อนเกิดความผิดพลาด
กดปุ่ม < A > (Abort) : รอรับคำสั่งจะไปอยู่ในไดร์ฟที่สั่งงานล่าสุด
กดปุ่ม < F > (Fail) : เมื่อต้องการยกเลิกการทำงาน และเปลี่ยนไดร์ฟใหม่

Bad Command or file name : ใช้คำสั่งผิดหรือไฟล์ที่เรียกใช้งานนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้ การแก้ไข ตรวจสอบบรรทัดคำสั่งว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น พิมพ์คำสั่งหรือชื่อไฟล์ถูกต้องหรือไม่ แล้วลองรันคำสั่งดูใหม่อีกครั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของดอสไม่มีคำสั่งนั้นก็ได้
File not found : ไม่สามารถหาไฟล์นั้นพบ อาจไม่มีไฟล์นั้น หรืออาจพิมพ์ชื่อไฟล์นั้นผิดจากที่ต้องการ นอกจากนี้อาจเกิดจากพาธ (Path) ที่สั่งงานไม่มีไฟล์นั้น
Insufficient memory หรือ Out of memory Insufficient memory : หน่วยความจำไม่พอต่อความต้องการของโปรแกรม
Out of memory : โปรแกรมเริ่มทำงานไปแล้วบางส่วนแล้วหน่วยความจำไม่พอ ระบบจึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ
Directory already exits : เกิดขึ้นเมื่อสร้างไดเร็คทอรีแล้วไปซ้ำกับซื่อที่มีอยู่แล้วในพาธเดียวกัน
Duplicate file ot file not found : ถ้าเปลี่ยนชื่อไฟล์ไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่จะทำไม่ได้และจะแจ้งเตือนดังข้อความดังกล่าว
InSufficient Disk space : ข้อความนี้จะเกิดขึ้นเมื่อดิสก์ไม่เพียงพอต่อการเก็บ ข้อมูล วิธีแก้ ลองใช้ดิสก์อื่นหรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออก

IPCONFIG
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบค่า IP address ของเครื่อง รวมถึงค่า subnet mask,DNS Server ที่ใช้งาน Default Gateway ด้วย

PING
เป็นคำสั่งที่ใช้ตรวจสอบการเชื่อมต่อและความคับคั่งของเครือข่าย โดยคำสั่งจะส่งข้อมูลเล็กๆไปยังปลายทางที่ระบุ ถ้าตัวเลขมากแสดงว่าเครือข่ายมีความคับคั่งสูง(ข้อมูลเดินทางได้ช้า)

TRACERT
ย่อมาจากคำว่า traceroute ซึ่งเป็นคำสั่งบน UNIX โดยไมโครซอฟนำมาเปลี่ยนชื่อเพื่อไม่ให้ยาวเกิน 8 ตัวอักษร (เป็นข้อจำกัดของDos) คำสั่งนี้จะใช้ในการตรวจสอบว่าข้อมูลที่ส่งจากต้นทาง ไปยังปลายทางนั้นผ่านเราเตอร์(Router)ตัวใดบ้าง
การใช้งานเช่น
- tracert citecclub.org
- tracert 61.19.248.246

TELNET
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการรีโมตไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์และ ได้ Shell Command เพื่อใช้ในการเข้าถึงตามสิทธิ์ที่ผู้ดูแลระบบได้กำหนดไว้ จะต้องใส่ Username และ Password ให้ถูกต้อง นอกจากนั้น telnet ยังเป็นคำสั่งที่ใช้ในการเชื่อมต่อ TCP/IP กับ Port หมายเลขที่ระบุได้ เช่น telnet citecclub.org 80 เพื่อตรวจสอบเวอชั่นของ Web Server

FTP
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการถ่ายโอนไฟล์ระหว่างเครื่องลูกข่ายและเครื่องแม่ข่าย (Server) โดยส่วนมากจะเรียกใช้คำสั่ง ftp บนเครื่องลูกข่ายแล้วทำการคอนเน็กไปยังเครื่อง server ที่เปิดบริการ ftp server จากนั้นก็ทำการส่งถ่ายข้อมูลต่างๆเช่น เพื่อทำการคัดลอกไฟล์ข้อมูลที่อยู่บนเครื่องserver มาเก็บไว้บนเครื่องลูก (เรียกว่าftp download) หรือการใช้คำสั่ง put เพื่อคัดลอกไฟล์ที่อยู่บนเครื่องลูกไปไว้บนเครื่องserver (เรียกว่า ftp upload)

TFTP
เป็นกระบวนการรับส่งไฟล์ที่เรียบง่ายกว่า FTP ทั่วไป โดยใช้กลไกการสื่อสารแบบ UDP ( User Datagram Protocal ) ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่ทำงานแบบ Connectionless ซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใส่รหัสหรือ Password แต่จะทำได้เพียงโอนข้อมูลที่จัดเตรียมไว้แล้วเท่านั้น แต่จะไม่มีฟังก์ชันอื่น ๆ เช่น การแสดงรายชื่อไฟล์ การเปลี่ยนไดเร็คทอรี

SUBST
ใช้เพื่อการทำ Map Drive ใช้คำสั่ง subst แล้วตามด้วยชื่อ Directory ที่ต้องการแมป แล้วตมด้วยอักษรเพื่อระบุ Drive ปละเครื่องหมายโคลอน
เช่น
- subst H: C:\Game\CnC-ZH
หรือว่าจะเข้าไปในdirectoryก่อน
เช่น
- c:\Game>subst H: CnC-ZH
การยกเลิก
subst ตามด้วยแมปไดร์แล้วใส่พารามิเตอร์ /D
เช่น
- subst H: /D

NSLOOKUP
ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับ DNS เช่น ตรวจสอบการแปลงจาก Domain Name ไปเป็น IP address เป็นต้น การใช้งานคือการพิมพ์คำว่า nslookup แล้วกด Enter Unhidden

พารามิเตอร์ที่ใช้บ่อยได้แก่
            SET TYPE=MX เพื่อใช้ในการตรวจหาชื่อโดเมนของเครื่องที่ทำหน้าที่ เป็นmail server สำหรับโดเมนนั้น
การใช้งานพิมพ์คำว่า
            set type=MX กด Enter แล้วตามด้วยโดเมนเนม
เช่น
            - C:\>nslookup ------->Enter
            Default server: XXXXXXXXXX
            Address: xxx.xxx.xxx.xxx
            >set type=mx ------------->Enter
            > ชื่อโดเมน
-------------------------------------------------
SET TYPE=A ใช้เพื่อตรวจหาค่าIP Address สำหรับชื่อโดเมนเนมที่เราระบุการใช้งาน เช่น พิมพ์ว่า set type=a กด Enter แล้วพิมพ์ชื่อโดเมนเนมที่ต้องการตรวจสอบ แล้วกดEnter โปรแกรมก็จะรายงานผลออกมา ถ้าพิมพ์IP Address ลงไป โปรแกรมจะทำการแปลง IP เป็นโดเมนแทน
Exit ใช้ในการออกโปรแกรม

ROUTE
ใช้เพื่อตรวจสอบและคอนฟิกค่าในตารางเราเตอร์ (Router Table)Unhidden
พารามิเตอร์ที่มักจะใช้บ่อยๆคือ
                         ROUTE PRINT เพื่อแสดงค่าในตารางเราต์
                ROUTE ADD เพื่อเพิ่มค่าเข้าไปในตารางเราต์ เช่น route add 200.100.23.0 mask 255.255.255.0 200.100.22.254 เพื่อเป็นการบอกว่า ถ้าได้รับ Packet ที่ต้องการไปยังเน็ตเวิก 200.100.23.0/24 ให้วิ่งผ่านไปยังเส้นทาง 100.22.22.254
                       ROUTE DELETE เพื่อลบค่าในตารางเราต์ เช่น route delete 200.100.23.0 mask 255.255.255.0 เป็นต้น
              ROUTE -P ADD เพื่อเพิ่มค่าเข้าไปในตารางเราต์อย่างถาวร คือเมื่อทำการรีสตาร์ทใหม่ค่าตารางเราต์ที่เพิ่มด้วย พารามิเตอร์- pจะไม่หายไป (ตารางเราต์ที่เพิ่มเข้าไปใหม่ด้วยวิธีปก ติจะหายไปถ้าทำการรีสตาร์ทเครื่องใหม่) วิธีใช้งาน อย่างเช่น route - 200.100.23.0 mask 255.255.255.0 200.100.20.1

NETSTAT
เป็นคำสั่งที่ไว้ตรวจสอบว่ากำลังเชื่อมต่อ TCP,UTP อยู่กับใครกับเครื่องใดบ้างและเครื่องใดกำลัง listen อยู่ พารามิเตอร์ที่ใช้บ่อยได้แก่
                 NETSTAT -A แสดงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น TCP,UTP สถานะ listen สถานะ Establish และอื่นๆ
                 NETSTST -N แสดงเป็นตัวเลข โดยไม่ต้องทำการค้นหาชื่อโดเมนของ IP และชื่อประจำหมายเลขของเซอร์วิส

                NETSTAT -parameter | STRFIND string เพื่อใช้ค้นหาคำที่อยู่ในตารางผลลัพธ์ เช่น netstat -na | findstr 80 เพื่อใช้ในการตรวจสอบเกี่ยวกับเซอร์วิสของ Web Server

                คำสั่งบางอย่าง เราควรตรวจสอบความถูกต้องด้วยนะครับ แต่ถ้าเราฝึกฝน ใช้งานบ่อยๆ ผมคิดว่า ทุกท่านจะเก่งขึ้นอย่างแน่นอนครับ 

คำสั่ง DOS ลืมกันหรือยัง?




เรื่องเล่าประสบการณ์ในบทความฉบับนี้ เกิดขึ้นจากการเรียนเมื่อสัปดาห์ผ่านมา อาจารย์ของผมจัดเวิร์คช็อปให้ทางนักศึกษาลองจำลองระบบปฏิบัติการ Server และติดตั้ง Apache, PHPMyAdmin และจำลอง Host เพื่อใช้งาน WebServer โดยใช้คำสั่ง DOS (งานเข้าแล้วครับ) ซึ่งผมเองนั้นลืมไปซะแล้ว (มัวแต่ติดตั้งด้วยวิธีปกติ) ผมจึงขอทบทวนความเป็นมาและชุดคำสั่งต่างๆ ของ DOS อีกซักครั้งนะครับ เราลองมาดูกันเลยนะครับ
คำสั่งความจำเป็นในการใช้ (DOS) ยังคงมีอยู่ แม้ว่าในปัจจุบันบทบาทของมันจะเริ่มลดลงไปมากหลังจาก Windows เริ่มมีความสมบูรณ์และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ชนิดที่ไม่ต้องพึ่ง DOS เลยก็ว่าได้ (ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมบางคนถึงลืมได้) แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เครื่องของคุณเข้าไปใช้งาน Windows ไม่ได้ คำสั่งดอสก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการใช้คำสั่งดอสจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้เช่นการ การซ่อมแซมไฟล์ที่เสีย ก๊อปปี้ไฟล์ข้อมูล แก้ปัญหา Bad Sector ฯลฯ ดังนี้เราควรทราบคำสั่งบางคำสั่งที่จำเป็นไว้บ้างเพื่อนำไปใช้งานในยามฉุกเฉิน
ตัวอย่างคำสั่ง DOS

Dos ย่อมาจาก Disk Operating System เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกๆ ซึ่งการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการทำงานบนระบบปฏิบัติการดอสเป็นหลัก โดยการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานโดยการใช้คำสั่งผ่านบรรทัดคำสั่ง (Command Line) ที่นิยมใช้กันคือ MS-Dos ซึ่งต่อมาระบบปฏิบัติการดอสจะถูกซ่อนอยู่ใน Windows ลองมาดูกันว่าคำสั่งไหนบ้างที่เราควรรู้จักวิธีใช้งาน
คำสั่ง
คำอธิบาย
รูปแบบคำสั่ง
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
CD (Change Directory)
คำสั่งเข้า-ออก ในไดเร็คทอรี่
CD [drive :] [path]

CD\
กลับไปที่ Root ระดับสูงสุด เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:\Program flies\adobe> หลังจากใช้คำสั่งนี้ก็จะย้อนกลับไปที่ C:\ >
CD..
กลับไปหนึ่งไดเร็คทอรี เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:\Program flies\adobe > หลังจากนั้น ใช้คำสั่งนี้ก็จะก็จะย้อนกลับไปที่  C:\Programflies\adobe >
CHKDSK (CHECK DISK)
คำสั่งตรวจเช็คพื้นที่ดิสก์

CHKDSK [drive:][[path]filename] [/F] [/V]
C:\WINDOWS>CHKDSK D: ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานดิสก์ในไดรว์ D
C:\>CHKDSK C: /F ตรวจสอบ ไดรว์ C พร้อมกับซ่อมแซมถ้าตรวจเจอปัญหา
COPY
คำสั่งคัดลอกไฟล์
COPY [Source] [Destination]
C:\COPY A:README.TXT คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ A ไปยังไดรว์ C
C:\INFO\COPY A:*.* คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
DIR
คำสั่งแสดงไฟล์และไดเร็คทอรีย่อย
DIR /P /W
/P แสดงผลทีละหน้า
/W แสดงในแนวนอนของจอภาพ
C:\>DIR ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C
C:\>INFO\DIR /P ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีย่อยในไดเร็คทอรี INFO โดยแสดงทีละหน้า
DEL 
(DELETE)
 คำสั่งลบไฟล์
DEL [ชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ]
C:\>DEL BOS.VSD ลบไฟล์ในไดรว์ C ที่ชื่อ BOS.VSD
D:\>DEL *.TXT ลบทุกไฟล์ที่มีนามสกุล TXT ในไดรว์ D
FDISK
( Fixed Disk)
FDISK /STATUS
A:>\FDISK เริ่มใช้งานโปรแกรม
A:\>FDISK /STATUS แสดงข้อมุลเกี่ยวกับพาร์ติชันบนฮาร์ดดิสก์
FORMAT
คำสั่งฟอร์แมตเครื่อง
FORMAT drive: [/switches]
A:\>FORMAT C: /S ฟอร์แมตไดรว์ C แล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์ด้วย
C:\>FORMAT A: /Q ฟอร์แมตไดรว์ A แบบ Quick Format
MD (Make Directory)
คำสั่งสร้างไดเร็คทอรี
MD [drive:] path
D:\> MD TEST สร้างไดเร็คทอรี TEST ขึ้นมาในไดรว์ D
D:\>DOC\MD TEST สร้างไดเร็คทอรีที่ชื่อ TEST ขึ้นมาภายในไดเร็คทอรี DOC
REN (RENAME)
คำสั่งเปลี่ยนชื่อไฟล์
REN [ชื่อไฟล์เดิม [ชื่อไฟล์ใหม่]
C:\REN BOS.DOC ANN.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดรว์ C เป็น ANN.DOC
C:\REN C:\MAYA\BOS.DOC PEE.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดเร็คทอรี MAYA ให้เป็น PEE.DOC
SCANDISK
คำสั่งตรวจสอบพื่นที่ฮาร์ดดิสก์
SCANDISK [Drive:]/AUTOFIX
/AUTOFIX ให้แก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
A:\>SCANDISK C: ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ C
A:\>SCANDISK D:/AUTOFIX ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ D และแก้ไขอัตโนมัติ
Type
คำสั่งดูข้อมูลในไฟล์
TYPE [ชื่อไฟล์ที่ต้องการอ่าน]
C:\>Type AUTOEXEC.BAT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ AUTOEXEC.BAT
C:\>NORTON\TYPE README.TXT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ README.TXT ในไดเร็คทอรี NORTON
XCOPY
คำสั่งคัดลอกทั้งไดเร็คทอรีและทั้งหมดในไดเร็คทอรี
XCOPY [ต้นทาง] [ปลายทาง] /S /E
C:\>XCOPY BACKUP F: /S /E คัดลอกทุกไฟล์และทุกไดเร็คทอรีย่อย BACKUP ไปไว้ในไดรว์ F
C:\>PRINCE>XCOPY *.VSD A: คัดลอกทุกไฟล์ที่มีนามสกุล VSD ในไดเร็คทอรี PRINCE ไปที่ไดรว์ A
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง DIR
ซึ่งคำสั่งบางอย่าง เราอาจจะได้ใช้งานกันบ่อย อย่างเช่น CD , DIR เป็นต้นเราควรเรียนรู้ไว้บ้างก็ดีนะครับ เผื่ออาจจะต้องได้ใช้งาน และขอจบเนื้อหาสำหรับบทความฉบับนี้ก่อนนะครับ ในฉบับต่อไป ผมจะนำข้อความที่เกี่ยวกับการแจ้งเตือน แจ้งปัญหาต่างๆ ภายใน DOS และ Command Line มาเล่าสู่กันฟังนะครับ


อ้างอิงจาก
http://tapnn.blogspot.com/2012/01/blog-post_6401.html&docid=AClzerm4-ywwxM&imgurl=http://3.bp.blogspot.com/-


วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ระบบปฏิบัติการ 32bit และ 64bit ต่างกันอย่างไร

            ขออภัย ท่านผู้อ่านทั้งหลายนะครับ ช่วงนี้งานยุ่งมากมาย เลยไม่ค่อยได้นำความรู้มานำเสนอ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมซื้อคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องใหม่เอื่อม(ไม่ขอบอกยี่ห้อนะครับ) ผมจึงนำมาลงระบบปฏิบัติการ 32bit ซึ่งเมื่อติดตั้งเสร็จสรรพ ปรากฎว่า Hardwareกับระบบปฏิบัติการไม่สนับสนุนซึ่งกันและกัน ผมจึงค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ปรากฏว่า เครื่องที่ผมซื้อมานั่นรองรับระบบปฏิบัติการ 64bit ซึ่งผมคิดว่าหลายๆ ท่านที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์คงจะเคยได้ยินมาบ้าง ผมจึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งนะครับ
Windows 7/XP (X64) มันก็คือ Windows 7/XP 64 Bit นั้นเองครับ
Windows 7/XP (X86) มันก็คือ Windows 7/XP 32 Bit นั้นเองครับ
             สำหรับคนที่งงๆ กันอยู่ในความแตกต่างของ windows 7 x64 (64bit) กับ windows 7 x86(32bit) ว่ามันต่างกันยังไง ผมขออธิบายง่ายๆ นะครับ สำหรับความแตกต่าง เหตุที่ทาง Microsoft ได้ออกมา 2 แบบนั้นที่เป็น 32bit - 64 bit ก็เพราะว่าจะได้แยกการทำงานได้อย่างชัดเจน โดยส่วนมากถ้าใช้ Windows 7 64bit นั้นส่วนมากจะใช้คอมพิวเตอร์แรงๆ มาลงกันพวก CPU มาลงกันเช่น Core i7 Core i5 และมี RAM เยอะๆ เช่น 8 GB , 16 GB ส่วนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 32bit ส่วนมากก็เป็นคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไปที่ใช้กัน เอาไว้ทำงานปกติ พวก Microsoft Word ,excel ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ 
             โดยนับตั้งแต่ยุค Windows 7 เป็นต้นมาเราก็ได้ยินคำว่า 64 bit กันมากขึ้นทั้งๆ ที่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ก็มีออกมาให้ใช้กัน แต่ไม่ค่อยจะมีการพูดถึงเท่าไหร่นัก สำหรับโพสต์นี้ผมจะนำเสนอมุมมองหลายๆ อย่างที่เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของ Windows เวอร์ชั่น 64 bit เพื่อเป็นการตัดสินใจของหลายๆ คนที่ยังสงสัยกันอยู่นะครับ
             แล้วทำไมต้อง 64 bit ละ เพราะจริงๆ แล้วหากย้อนกันไปถึงสถาปัตย์กรรมคอมพิวเตอร์เราก็ใช้ 32 bit กันมาค่อนข้างยาวนานพอสมควร ยิ่งตลาดผู้ใช้ตามบ้านแล้วแทบจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ OS แบบ 64 bit เลย ความแตกต่างที่หลายคนสงสัยนั่นคือ 32 บิตสามารถ mapping หน่วยความจำได้สูงสุดแค่ประมาณ 4GB ในทางทฤษฏีแต่ในทางปฏิบัติหากเราใช้ Windows 32 bit จะสามารถเห็นแรมใน System Information แค่ประมาณ 3GB ต้นๆ เท่านั้นเอง ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้คอมพิวเตอร์ตามบ้านนั้นสามารถหาซื้อแรมได้อย่างต่ำก็ปาเข้าไป 4GB แล้วในตอนนี้ (เครื่องสเปคสูงหน่อยก็อัดไปเลย 8GB) ทำให้ OS แบบ 32 bit นั้นไม่สามารถดึงหน่วยความจำเหล่านี้มาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น พูดง่ายๆ 32 bit มันเก่าเกินไปและเป็นอดีตไปเสียแล้วสำหรับคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน


            สำหรับ Windows รุ่น 64-bit นั้นก็ได้มีออกมาให้เห็นกันอยู่พักหนึ่งเเล้วนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมใช้กันอยู่พอสมควรหลังจากที่ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Windows 7 ออกวางจำหน่ายเมื่อปีที่ผ่านมา โดยตัวระบบปฏิบัติการก็มีทั้งข้อดีข้อเสียจาก Windows 32-bit ที่ยังเป็นที่ใช้กันล้นหลายอยู่พอสมควร ส่วนสิ่งที่เราจะมาดูกันวันนี้ก็คือประสิทธิภาพการเล่นเกมของทั้ง Windows 32-bit กับ 64-bit ว่าทาง Windows 64-bit จะส่งผลการเล่นเกมที่เเตกต่างจาก Windows 32-bit จริงอย่างที่หลายคนว่าหรือเปล่า เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
โดย Ram windows x86 ทั้ง windows 7/XP จะเห็นRAMที่ 3GB ปลายๆครับ ต่อให้ใส่ 4GB หรือ 8 GB ก็จะเห็นแค่ 3GB ครับ
โดย Ram windows x64 ทั้ง windows 7/XP จะเห็นRAMที่ 4GB เต็มๆเลยครับ แต่ถ้าเราใส่แรมมันเพิ่มมากกว่านี้เ มันก็จะเห็นสูงสุดตาม edition ของ windows ตามรูปด้านล่างครับ





คำถามต่อมา? แล้วเราควรลงระบบปฏิบัติการตัวไหนมากกว่ากัน ระหว่าง windows x86 กับ windows x64 ผมบอกได้เลยว่าถ้าคุณเครื่องแรงๆหน่อย จัดลง X64 ไปเลยครับ แต่คุณต้องดูด้วยนะครับว่า CPU ของคุณ support 64 bit ด้วยหรือเปล่า ถ้าเป็น C2D , i3 ,i5,i7 จะ Support X64 ทุกตัวครับ
-ถ้าคุณลง windows 64 bit softwareที่คุณใช้ลง Driver ที่ Support OS x64 bitด้วยครับ แต่โปรแกรมมันสามารถลงได้ทั้ง 32bitและ 64bit โดยถ้าคุณลง windows ที่เป็น 64bit คุณจะเห็นว่าใน Drive C ของคุณนั้นจะมี Program file 2 folder ได้แก่ Program File , Program file(x86) ก็หมายความว่า ถ้าโปรแกรมที่จะลงนั้นมัน support แค่32 bit เวลาึุคุณลงโปรแกรมมันก็จะชี้ path ในการลงโปรแกรมมาอยู่ใน Program file(x86) แต่ถ้าโปรแกรมดังกล่้่าวที่คุณจะลงมัน support windows 64bit ด้วยมันก็จะมาอยู่ใน Program File สรุึปว่า Windows X64 มันสามารถลงโปรแกรมได้ทั้งที่ support 32bit and 64bit
-ถ้าคุณลง windows 32 bit Driverคุณก็ต้องโหลดมาเฉพาะ 32 bit เท่านั้น ส่วนโปรแกรมคุณก็สามารถลงได้แต่ software ที่ support 32bit เท่านั้นโปรแกรมที่ Support 64bit คุณไม่สามารถลงได้นะครับ






             ผมขอเวลาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows 64-bit นิดหนึ่งนะครับ สำหรับคนที่ซื้อ Windows 7 หรือ Windows Vista ลิขสิทธิ์เเท้นั้นก็จะเห็นได้ว่าทาง Microsoft นั้นได้ให้เเผ่นตัวระบบปฏิบัติการมา 2 เเผ่น ซึ่งจะเป็นเเผ่นรุ่น 32-bit กับ 64-bit โดยผมจะทำการสรุปสั้นๆ ง่ายๆ ถึงข้อดีเเละข้อเสียของ Windows 64-bit ว่าเเตกต่างจาก Windows 32-bit อย่างไงบ้าง
ข้อดีของ Windows 64-bit
  • สามารถรองรับเเรมได้สูงถึง 192GB (Windows 7 Professional & Ultimate), Windows 32-bit นั้นสามารถรองได้รับสูงสุด 4GB เเต่อาจเหลือให้ใช้จริงเเค่ 3GB เท่านั้น
  • โปรเเกรมที่ใช้ระบบ 64-bit นั้นสามารถทำงานได้เร็วเเละลื่นกว่า Windows 32-bit
  • สามารถใช้งานโปรเเกรม Windows 32-bit ได้เกือบทั้งหมดเหมือนกับ Windows 32-bit เอง
ข้อเสียของ Windows 64-bit

  • ไม่สามารถใช้งานกับ Driver ของ Windows 32-bit ได้ ต้องหา Driver สำหรับรุ่น 64-bit เท่านั้น
  • ไม่สามารถใช้งานกับโปรเเกรม Windows 16-bit ได้
       

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มือใหม่หัดเขียนแอนดรอยด์ (Android)

       จากบทความ 2 ฉบับที่แล้ว ที่ผมได้เล่าให้ทุกคนได้รู้จักต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการที่มีชื่อว่า แอนดรอยด์ ไปแล้วนะครับ หรือใครยังไม่ได้อ่าน หาอ่านย้อนหลังนะครับสำหรับวันนี้ถึงเวลาสำหรับมือใหม่หัดขับ เอ้ย!! หัดเขียนแอนดรอยด์กันแล้วนะครับ ว่า ก่อนจะลงมือเริ่มเขียนแอพพลิเคชั่นของแอนดรอยด์ บนมือถือหรือแทบเล็ต เค้าต้องใช้โปรแกรมหรือมีวิธีเริ่มเขียนกันอย่างไร เอาล่ะ เริ่มกันเลยนะครับ

           สำหรับคนที่มีพื้นฐาน ทักษะการเขียนภาษา JAVA อยู่แล้ว ถือว่าได้เปรียบมากนะครับ สำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นของแอนดรอยด์ เพราะต้องใช้โครงสร้างของภาษาคล้ายคลึงกัน
       ก่อนอื่นมือใหม่หัดเขียนแอพพลิเคชั่น จะต้องมี Tools ที่จะใช้พัฒนา ดังนี้
1.       JDK : Eclipse Development Tools and Java Development Kit
2.       ADT : Android Developer Tools Plugins for eclipse
3.       Android SDK
4.       AVD (Android Visual Device Emulator)


สิ่งสำคัญ คือ ต้องติดตั้งจนครบถ้วนทุกตัวก่อนนะครับ

JDK : Eclipse Development Tools and Java Development Kit คือชุดของเครื่องมือ  (tools) ที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรม JAVA ของบริษัทซันไมโครซิสเต็มส์ ซึ่งใครก็ตามที่ต้องการจะพัฒนาโปรแกรมโดยใช้ภาษา Java  อย่างเช่น Java compiler, Java debugger, Java doc และ Java interpreter หรือ Java VM  จะต้อง ลง JDK นี้ ไม่งั้นจะไม่สามารถ compile และ run java ได้ เวอร์ชันปัจจุบันของ JDK คือเวอร์ชั่น 7 ประกอบไปด้วยโปรแกรมต่างๆ อาทิเช่น
โปรแกรมคอมไพเลอร์ (javac.exe) ,โปรแกรมอินเตอร์พรีตเตอร์ (java.exe) ,โปรแกรมดีบักเกอร์ แต่จะไม่มีโปรแกรมอีดิเตอร์
    ชุดพัฒนาโปรแกรม JDK ประกอบด้วย 3 รุ่นย่อยดังนี้
    1.Java SE (Standard Edition) สำหรับพัฒนาโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป
    2.Java ME (Micro Edition) สำหรับพัฒนาโปรแกรมบนอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือพีดีเอ ส่วนมากใช้เขียนโปรแกรมเกม
    3.Java EE (Enterprise Edition) สำหรับพัฒนาโปรแกรมในองค์กรใหญ่ๆ หรือมีขอบเขตของโครงการกว้างมาก


ADT : Android Developer Tools Plugins for eclipse เป็น plugin ใช้สำหรับติดตั้งบน  Eclipse เพื่อรองรับการเขียนโปรแกรมบน Android โดย Plugin ADT ทำหน้าที่ในการปรับสภาพแวดล้อมของโปรแกรม Eclipse IDE ปรับแต่ง Environment ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียน Android สำหรับการติดตั้ง ADT จะต้องติดตั้งผ่านโปรแกรม Eclipse


Android SDK ย่อมาจาก Android  Software Development Kit เป็นโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาที่เปิดให้เข้ามาพัฒนาแอพพลิเคชั่นซึ่งทาง Google ได้เปิดให้ดาวน์โหลด Android SDK ฟรีเพื่อให้เกิดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆเข้ามาภายในชุดพัฒนา Android มี Emulator ทำให้ในระหว่างการพัฒนาโค๊ดแอพพลิเคชั่น สามารถจำลองการทำงานของมือถือ Android และทดลองใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ได้ทำการออกแบบโดยไม่จำเป็นต้องมีโทรศัพท์จริง


AVD (Android Visual Device Emulator) คือ การจำลอง หรือ emulator เครื่องโทรศัพย์มือถือระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา เพื่อ เอาไว้ทดสอบ โปรแกรม หรือ โค้ด ที่เราได้เขียนขึ้น ต่อมาคำถามที่ว่า ไม่สร้างได้ไหม ? คำตอบคือ ได้ครับ แต่ คุณจะต้องมี มือถือระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ จริงๆ นำมาต่อกับ คอมพิวเตอร์ ของคุณเพื่อเอาไว้ทดสอบ

การจะทำแอพพลิเคชั่นของแอนดรอยด์ ผมขอแนะนำสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านภาษา JAVA หรืออาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของโครงสร้างภาษานะครับ แล้วพบกัน กับบทความต่อไป
อ้างอิง : แอนดรอยด์ไทยแลนด์
ขอบคุณภาพจาก Google