จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิวัฒนาการของ แอนดรอยด์ (Android)


หลังจากที่ฉบับที่แล้ว ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับความเป็นมาแอนดรอยด์ โดยเริ่มพัฒนาเมื่อปี พ.ศ.2550 โดยบริษัท แอนดรอยด์ร่วมกับ Google จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2550 ได้มีการร่วมมือกันกว่า 30 บริษัทชั้นนำเพื่อพัฒนาระบบ โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า OHA (Open Handset Alliance) โดยแบ่งออกเป็นเวอร์ชั่น และมีชื่อเรียกแต่ละเวอร์ชั่นเป็นชื่อขนมหวาน โดยเรียงลำดับตามตัวอักษร A-Z เรามาค่อยๆ ดูไปทีละเวอร์ชั่นของ แอนดรอยด์ว่ามีวิวัฒนาการเป็นอย่างไร แล้วปัจจุบัน มันไปถึงเวอร์ชั่นอะไรแล้ว

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 1.0
ในรุ่นนี้ยังไม่มีชื่อเล่น (หากมีชื่อเล่น จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A) ออกตัวเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 ว่ากันว่า งั้นๆแหละ(ก็ใช่นะครับ ของเพิ่งพัฒนา)

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 1.1
ในรุ่นนี้ยังไม่มีชื่อเล่น (หากมีชื่อเล่นจะต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษร B ออกตัวเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 เป็นรุ่นที่พัฒนาแก้ไขบั๊ก (Bug) ของเวอร์ชั่นก่อนหน้าคือ เวอร์ชั่น 1.0 โดยในรุ่นนี้ได้มีการนำไปใช้งาน โดยติดตั้งอยู่ใน HTC Dream(G1)
รูปร่างหน้าตาของ HTC Dream(G1) ใช้ Android OS รุ่นแรก

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 1.5 
 ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า คัพเค้ก (Cupcake) เปิดตัวเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2552 เป็นรุ่นที่ถูกนำมาผลิตเพื่อการค้าอย่างเต็มรูปแบบและบริษัทที่นำมาใช้ในโทรศัพท์ของตนเองพร้อมขายทั่วโลกคือ Samsungโดยนำมาติดตั้งในเครื่อง Samsung i5700 Spica

 มือถือรุ่น Samsung i5700 Spica ที่ได้ใช้แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 1.5 
หรือ แอนดรอยด์ คัฟเค้ก (Cupcake) เป็นระบบปฏิบัติการ

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 1.6
 ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า โดนัท (Donut) ออกตัวเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2552 มีการปรับปรุงแก้ไขข้กบกพร่องของเวอร์ชั่น 1.5 มีโทรศัพท์หลายรุ่นที่ได้นำมาใช้ โดยแอนดรอยด์เวอร์ชั่นนี้สามารถจัดให้มีการอัพเกรดออนไลน์ (Over The Air : OTA)
HTC A3288 Tattoo Android Donut ที่ได้ใช้แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 1.6

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.0
 ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า อีเคร์ (Eclair) แปลว่า ขนมหวานรูปยาวมีคริมข้างใน ออกตัวเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2552 โดยบริษัท Motorola ได้นำเวอร์ชั่นนี้ลงบนโทรศัพท์แบบสไลด์ ชื่อรุ่น Milestones ประเทศไทยได้นำมาวางขายผ่านเครือข่าย True


Motorola Milestones ที่ได้ใช้แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.0 
หรือ แอนดรอยด์ อีเคร์ (Eclair) เป็นระบบปฏิบัติการ
แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.2 
ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า โฟรโย่ (Froyo) แปลว่าโยเกิร์ตแช่แข็ง (Froyo - Frozen yogurt) ออกตัวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2553 โดยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นนี้ได้ถูกติดตั้งในโทรศัพท์รุ่น Google Nuxus One ซึ่งบริษัท Google มอบหมายให้ทางบริษัท HTC เป็นโรงงานผลิต
HTC Google Nexus One

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.3
 ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า จิงเกอร์เบรด (Gingerbread) เจ้าขนมปังขิง ออกตัวเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2553 เป็นรุ่นที่ถือได้ว่ามีการนำมาใช้งานในโทรศัพท์มือถือมากที่สุดความสามารถที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชั่นนี้จะพิเศษที่ระบบการสื่อสารแบบใหม่ชื่อเรียกว่า Near Field Communication (NFC) เป็นระบบการจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์ได้ โดยที่โทรศัพท์ต้องมีอุปกรณ์ที่รองรับระบบ NFC ด้วย เวอร์ชั่นนี้ได้ถูกลงบนโทรศัพท์ของ Google เช่นเดิม เป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก HTC Nexus One แต่ครั้งนี้ Google ให้บริษัท Samsung เป็นผู้ผลิตให้ และใช้ชื่อว่า Google Nexus S
Google Nexus S

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 3.0
ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า ฮันนี่คอม (Honeycomb) รังผึ้ง ออกตัวเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นนี้ถูกพัฒนาเพื่อใช้กับ Tablet โดยเฉพาะ ถูกติดตั้งในแท็บเล็ต Motorola ในรุ่น XOOM เป็นรุ่นแรก
Motorola ในรุ่น XOOM

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 4.0
ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า ไอศรีมแซนวิช (ICS : Ice Cream Sandwich) ออกตัวเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2554 เวอร์ชั่นนี้จะสามารถใช้งานได้ทั้งในโทรศัพท์ และแท็บเล็ต ทำให้บริษัทผู้ผลิตเตรียมอัพเกรดอุปรณ์ของตนเองเพื่อให้สามารถใช้งานเวอร์ชั่นนี้ได้ โทรศัพท์รุ่นที่รับการติดตั้งระบปฏิบัติการเวอร์ชัั่นนี้ได้แก่ Google Galaxy Nexus และแท็บเล็ตเครื่องแรกที่ได้รับการอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นนี้ได้แก่ Asus Transformer Prime span class='highlight red'>โดยแอนดรอยด์เวอร์ชันนี้ จะเป็นพระเอกสำหรับโครงการ OTPC ก็ว่าได้ เพราะเป็นระบบปฏิบัติการที่แท็บเล็ตในโครงการใช้งาน ทำไมต้องไอศรีมแซนวิช (ICS)


แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 4.1 
ในรุ่นนี้มีชื่อเล่นว่า เจลลี่บีน (JB : Jelly Bean) เวอร์ชั่นนี้จะเน้นเพิ่มความสามารถทางด้านความเร็วเป็นหลัก เพราะแอนดรอยด์ชอบโดนดูถูกเรื่องความ อืด ความช้า เมื่อเทียบกับ IOS ในเวอร์ชั่นนี้จึงเน้น ที่ความเร็วไหลลื่นให้ผู้ใช้ไม่มีสะดุด ด้วยเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า V-Sync adaptations และ triple buffering จะนำคุณเข้าสู่ประสบการณ์การเรนเดอร์หน้าจอระดับ 60 เฟรมต่อวินาที (FPS) โดยมีผลิตภัณฑ์ ของ Google ก็คือ แท็บเล็ต Nexus 7 ที่ผลิตโดยโรงงานของ Asus เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกที่ได้นำ Jelly Bean เป็นระบบปฏิบัติการ หลังจาก Google ได้เปิดจำหน่าย Nexus 7 ไปแล้ว ถึงได้ทำการเปิดโค้ด (Source Code) ให้กับผู้ผลิตแบรนด์อื่นๆ ได้นำ Jelly Bean ไปใช้งาน ไปพัฒนาต่อไป

ส่วนใน เวอร์ชั่น 4.1.1 , 4.1.2 , 4.2.1 และ 4.2.2 จะนำมารีวิวให้ดูอีกทีนะจ๊ะ 

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รู้จัก Android (แอนดรอยด์) กันเถอะ

ยอมรับเลยนะครับว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปรวดเร็วมาก ใครจะคิดว่า โทรศัพท์มือถือทุกวันนี้จะไม่มีปุ่มกดใดๆ บนหน้าจอเรียบเนียน เครือข่ายอินเตอร์เนตไร้สายจะครอบคลุมขนาดนี้(แต่ก็หวังว่าจะมี 4G ใช้ในเร็ววัน) ผมจึงสนใจการทำแอพพลิเคชั่นขึ้นมาในทันที แต่จะให้พัฒนาแอพพคิเคชั่นของ IOS เลย ก็กะไรอยู่ ผมเลยคิดที่จะพัฒนา Android OS แทน เพราะเนื่องจากสามารถพัฒนาได้อย่างกว้างขวางและที่สำคัญ ฟรี!! ครับ โดยหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ เทคโนโลยี รวมถึง เป็นคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว ก็คงจะคุ้นเคยกับคำว่า แอนดรอยด์ (Android) เป็นอย่างดี แอนดรอยด์ ถือเป็นอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการในตลาด ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่แพ้กับระบบปฏิบัติการอื่นๆ ซึ่งในวันนี้ ผมได้รวบรวมเอาข้อมูล ที่อาจจะช่วยให้ หลายๆ ท่านที่กำลังสนใจนั้น ได้รู้จักกับระบบปฏิบัติการตัวนี้กันมากขึ้น ว่า แอนดรอยด์คืออะไร ลองมาชมกันเลยครับ


แอนดรอยด์ (Android) คืออะไร
ก็คือระบบปฏิบัติการ (Operating System หรือ OS)  สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ต เน็ตบุ๊ก ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัทกูเกิล ( Google) คิดง่ายๆ ก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น หลายยี่ห้อบ้างก็ใช้
Windows 7, Windows Vista,  Windows XP ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานไม่ได้(ยกเว้นใช้แผ่น Hirent Boot หรือ WinPE) โทรศัพท์มือถือ SmartPhone ก็เช่นเดียวกัน มันต้องการ OS ซึ่งใน iPhone นั้นบริษัทแอปเปิ้ลใช้ OS ที่ชื่อว่า IOS ในขณะที่บริษัทกูเกิ้ล(Google) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอทีก็ได้ซุ่มพัฒนา OS ที่มีชื่อว่า Android (แอนดรอยด์) OS ขึ้นมา


ต้นกำเนิด แอนดรอยด์ (Android)
เดือน ตุลาคม ปี 2003 Andy Rubin ได้ก่อตั้งบริษัท แอนดรอยด์ (Android, Inc.) พร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่ถือว่ามีความสามารถแตกต่างกันออกไปในแต่ละด้าน ร่วมกันพัฒนามาเรื่อยจนเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 โทรศัพท์มือถือรุ่นแรก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ก็ได้ออกวางจำหน่าย ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ คือ HTC Dreamใน Android OS เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้ Android OS มีทั้งหมด 10 เวอร์ชั่นแล้วครับและมีชื่อเล่นสำหรับเรียกง่ายๆด้วยครับ
ซึ่ง ก็ได้แก่ Apple Pie(Android 1.0),Banana Bread(Android 1.1),CupCake(Android 1.5), Donut(Android 1.6), Éclair(Android 2.1), Froyo(Android 2.2), Gingerbread(Android 2.3), Honeycomb(Android 3.0), Ice Cream Sandwich(Android 4.0), Jelly Bean (Android 4.1) จะสังเกตุเห็นได้ว่า ชื่อรุ่นทุกรุ่นเป็นของหวานทั้งหมดเลยครับ และในรุ่น Android ที่จะพัฒนาในอนาคตซึ่งยังไม่มีการกำหนดเลขเวอร์ชั่นก็จะมีชื่อว่า Key lime pie อีกด้วย.. แค่อ่านชื่อก็อิ่มแล้ว..555


ครั้งต่อไปผมจะมาแนะนำ การเริ่มเขียนแอนดรอยด์และโปรแกรมใช้งาน ต่อไปนะครับ

HTC One: Smartphone น่าเล่น น่าลอง!!

บทความนี้จะกล่าวถึงการเลือกใช้สมาร์ทโฟน (ในทัศนคติส่วนตัวนะครับ) เนื่องจากน้องชายอันเป็นที่รัก(ที่ชัง) อยากจะเปลี่ยนมือถือมาเป็นสมาร์ทโฟนแต่ไม่แน่ใจว่า จะใช้รุ่นไหน ค่ายไหนดี ผมเลยแนะนำสมาร์ทโฟนค่าย HTC ประเด็นคำถามเกิดขึ้นมากมายให้หัวน้องชายของผม ว่า HTC คุ้นๆ ใช้ได้ดีมั้ย? เนื่องจากผมคิดว่า หลายๆ ท่านคงยังไม่รู้จักมือถือค่ายนี้ซักเท่าไหร่ ว่าแล้ว วันนี้ผมเลยยกตัวอย่างสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจของค่ายมือถือค่ายนี้มาให้ลองพิจารณากันดูเล่นๆ ผมจะขอยกเอาบทความ Hands-on จากในงานเปิดตัว HTC One รอบสื่อมวลชนมา แล้วก็เพิ่มส่วนของรีวิวลงไปนะครับ เนื่องจากในบทความเก่านั้น มีการลงรายละเอียดที่น่าสนใจเอาไว้ค่อนข้างเยอะ
           
สิ่งแรกเกี่ยวกับ HTC One ที่มีการนำเสนอ ก็คือฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า BlinkFeed ซึ่งเป็นหน้าโฮมสกรีนแบบใหม่ที่มีมิติมากขึ้น สามารถสื่อสารกับผู้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม ด้วยการแสดงฟีดข่าว, ตารางนัดหมาย รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ บน social network มาจัดเรียงให้ผู้ใช้งานสามารถรับข่าวสารได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเปิดแอพพลิเคชันแยกแต่ละตัวเลยก็ยังได้ (อย่าเพิ่งงงกันนะครับ) โดยเนื้อหาที่แสดงนั้น จะใช้การโหลดเนื้อหาตัวเต็มจากอินเตอร์เน็ตมาแสดง ทำให้สามารถใช้งานได้แทบจะตลอดเวลา แต่ถ้าใครอยากใช้งานหน้าโฮมสกรีนแบบเดิมๆ ก็สามารถใช้งานได้อยู่เช่นเดิม โดยให้ swipe จากขอบจอด้านขวาเข้ามาตรงกลางจอเท่านั้นเอง


ส่วนที่สองซึ่งเป็นไฮไลท์ที่สุดตัวหนึ่งใน HTC One ก็คือเรื่องฮาร์ดแวร์กล้องที่ HTC ด้วยการนำเสนอกล้องที่เน้นคุณภาพมากกว่าจำนวนพิกเซลโดยการใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3แต่มีความพิเศษอยู่ที่เม็ดพิกเซลบนเซ็นเซอร์ ทำให้ตัวชุดเซ็นเซอร์ของ HTC One มาในชื่อที่เรียกว่า UltraPixel ตัวเม็ดพิกเซลของ UltraPixel จะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยมีขนาดถึง 2 x 2 ไมโครเมตร2 เทียบกับ iPhone 5 และ Nokia Lumia 920 ที่มีขนาดเพียง 1.4 x 1.4 ไมโครเมตร2 เท่านั้น แถมยังใหญ่กว่ากล้องคอมแพ็คระดับไฮเอนด์หลายๆ รุ่นอีกต่างหาก ซึ่งเม็ดพิกเซลที่ใหญ่ ส่งผลให้สามารถรับแสงและสีได้มากกว่าเม็ดพิกเซลขนาดทั่วๆ ไปถึง 300% แต่ก็เนื่องด้วยขนาดของเม็ดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น ทำให้บนเซ็นเซอร์สามารถบรรจุเม็ดพิกเซลได้น้อยลง ทำให้ความละเอียดของภาพสูงสุดที่ HTC One สามารถถ่ายได้จะอยู่แค่เพียง 4 MP เท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็น 4 MP ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับกล้องมือถือความละเอียด 8 MP หรือ 13 MP หลายๆ ตัวในตลาดได้เลย ซึ่งในช่วงท้ายของบทความนี้จะมีตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง HTC One มาให้ชมด้วยครับ
นอกจากเรื่อง UltraPixel แล้ว จุดที่น่าสนใจในระบบกล้องเรื่องอื่นๆ ก็เช่น

กล้องหลัง f/2.0
·       กล้องหน้าใช้เลนส์มุมกว้าง 88 องศา
·       มาพร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว 3D OIS
·       ถ่ายภาพรัว (burst) ได้ความเร็ว 8 ภาพต่อวินาที
·       ถ่ายวิดีโอในโหมด HDR ได้
·       ถ่ายวิดีโอความคมชัดระดับ HD ได้ 60 fps (1080p ได้ 30 fps)
·       มี effect สำหรับแต่งภาพเพิ่มมา 7 แบบ เช่น ทำ big-eye, ดัดแปลงรูปทรง (ตัวอย่างเช่นการเหลาคางให้เรียวแหลมขึ้น), เอา object ส่วนเกินในภาพออก

HTC One จะมีสองสีให้เลือก คือสีเงินกับสีดำ โดยมีความจุให้เลือกคือ 32 และ 64 GB ส่วนสเปก HTC One คร่าวๆ มีดังนี้

·       ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 600 (APQ8064T) Quad-core ความเร็ว 1.7 GHz มาพร้อมชิปกราฟิก Adreno 320
·       RAM 2 GB
·       ความจุที่มีให้เลือกคือ 32 และ 64 GB
·       หน้าจอ Super LCD 3 ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 ใช้กระจกจอเป็น Gorilla Glass 2
·       กล้องหลังเทคโนโลยี UltraPixel ความละเอียด 4 MP
·       กล้องหน้าความละเอียด 2.1 MP
·       แบตเตอรี่ li-polymer ความจุ 2300 mAh
·       น้ำหนัก 143 กรัม
·       ใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่าย และรองรับ 4G LTE ด้วย



ในส่วนของบทความนี้ แค่ยกประสิทธิภาพของมือถือค่ายนี้เท่านั้นนะครับ ไม่ได้ต้องการที่จะเปรียบเทียบกับค่ายอื่นๆ หรือสมาร์ทโฟนตัวใด ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว รุ่นนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก(เนื่องจากผู้เขียน ใช้ IOS แต่อยากลองเปลี่ยนมาใช้ Android เพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน) 


Reference http://www.htc.com/th/smartphones/htc-one/#overview

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การศึกษาต่อในระดับปริญญาโท

ก่อนที่ผมจะเขียนบทความนี้ ผมพยายามมองย้อนตัวเองไปว่า ช่วงเวลาที่จะตัดสินใจเรียน มีรุ่นพี่คนนึงแนะนำการเรียนต่อระดับปริญญาโท ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ในช่วงเวลานั้นผมเองก็ไม่ได้ติดที่จะทำตาม พอถึงเวลาเรียนจริงๆ ผมจึงนึกถึงคำที่รุ่นพี่คนนั้นได้บอกเอาไว้ ผมจึงอยากจะนำมาถ่ายทอดต่อสำหรับน้องๆ ที่กำลังจะคิดไม่ตกอยู่ว่าจะเรียนต่อในระดับปริญญาโทดีหรือไม่ ไม่ว่าเหตุผลของคุณนั้นคืออะไร การเรียนต่อนั้นเป็นเรื่องที่คุณควรคิดให้ดีก่อนที่จะรับภาระในการเรียนต่ออีกอย่างน้อย 2 ปี


การเรียนต่อระดับปริญญาโทนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การเรียนเล่นๆ หรือเพียงเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น เพราะคุณต้องเรียนหนักทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้าน และทำรายงานอย่างหนัก ค่าใช้จ่ายก็สูงเช่นกัน ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจ คุณควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้
การเตรียมตัวก่อนการเรียนปริญญาโท ควรที่จะศึกษางานนิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ไว้ล่วงหน้า หาข้อมูลทฤษฎีหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไรนะครับ
เหตุผลที่คุณต้องการเรียนต่อ
สิ่งแรกและสำคัญที่สุด การเรียนปริญญาโทนั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ถึงแม้ว่าคุณจะเรียนได้อยู่ในระดับที่ดีมากตอนคุณเรียนปริญญาตรี แต่วิธีการเรียนปริญญาโทนั้นไม่ได้เหมือนกับระดับปริญญาตรี นักศึกษาปริญญาโทนั้น ควรมีความมุ่งมั่นในการเรียน การอุทิศตนเองต่อการเรียนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการที่คุณจะตัดสินใจเรียนต่อนั้น คุณควรทราบถึงจุดมุ่งหมายในชีวิตของคุณ เช่น คุณตั้งใจเปลี่ยนงานในสายอาชีพอื่น หรือการเรียนต่อนี้เพื่อความก้าวหน้าในสายอาชีพปัจจุบัน อย่าตัดสินใจเลือกเรียนต่อเพื่อฆ่าเวลา หนีความเซ็งหรือปัญหาอื่นๆ

จะเรียนอะไรและที่ไหน

เมื่อคุณสมัคร คุณควรตัดสินใจให้ได้ว่าคุณจะเลือกเรียนสาขาใด การเรียนปริญญาโทนั้นไม่ใช่เวลาที่จะมาค้นหาว่าคุณต้องการทำอะไรกับชีวิตคุณ คุณควรคิดเป็นอย่างดีว่าคุณจะเรียนสาขาใดและปริญญาที่คุณจะได้รับนั้นจะให้ประโยชน์อะไรต่ออนาคตของคุณ

เพื่อนร่วมชั้น

ในการเรียนต่อระดับปริญญาโท จำนวนนักศึกษาในแต่ละห้องนั้นน้อยกว่าและเน้นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในห้องเรียนอีกด้วย อาจารย์จะปฏิบัติต่อคุณอย่างเช่น ผู้ใหญ่ที่มีทักษะความรู้ ความสนใจในสาขาวิชานั้น เพื่อนร่วมชั้นของคุณก็มีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน และอายุที่ต่างกันด้วย นักศึกษาส่วนมากประกอบด้วยบุคคลที่มีอายุประมาณ 20 ปลายๆ ถึง 40 ปี ที่กลับมาเรียนต่อเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพของตน คุณจะต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดีก่อนการเข้าห้องเรียนทุกครั้ง ทำการบ้าน และเตรียมตัวในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในห้องกับเพื่อนๆและอาจารย์ ทำการเสนอรายงาน และพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่คุณเรียนให้เสมือนคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ

อย่าลืมเตรียมตัวกันก่อนที่จะเรียนนะครับ ไม่งั้น 2 ปีที่ต้องเรียนจริงจะกินเวลานานกว่าที่คุณคิด อาจจะเป็น 2 ปี 3 ปี หรือไม่ก็ 4 ปี

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ท่าเรือ PSA ประเทศสิงคโปร์

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำก่อนนะครับ บทความนี้ เป็นงานชิ้นแรกของผม ผมมีเคยทำงานวิจัยหลายๆ ด้านซึ่งแต่ละงานวิจัยนั้นก็จะช่วยพัฒนาตัวเราเอง ในครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในทีมวิจัยของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิเคราะห์ศักยภาพ โอกาสการแข่งขัน ปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือในอาเซียน โดย เป้าหมายของงานวิจัยชิ้นนี้ คือ แผนแม่บทยุทธศาสตร์การพัฒนาของท่าเรือแหลมฉบังเพื่อรองรับการเติบโตและขยายตัวรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นั่นเอง งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ใช่งานง่ายๆ นะครับ เพราะจะต้องวิเคราะห์ศักยภาพของท่าเทียบเรือทั่วอาเซียน เช่น ท่าเรือ PSA Singapore Terminal (PSA) ประเทศสิงคโปร์ ท่าเรือทันหยง ปาราปัส(Tanjung Parapus Terminal : TPT) ท่าเรือ Port Klang (North Port) ประเทศมาเลเซีย ท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ท่าเรือไซง่อน ท่าเรือวุงเตา ประเทศเวียดนาม แต่สำหรับบทความนี้ ผมขอเล่าถึงท่าเรือ PSA ประเทศสิงคโปร์ นะครับ (แต่ผมไม่ได้ลงไปเหยียบพื้นท่าเรือด้วยตัวเองนะครับ)
               

ท่าเรือสิงคโปร์ (PSA Terminal) ประเทศสิงคโปร์
Port of Singapore Terminal(PSA) เป็นท่าเรือที่ใหญ่ และสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีปริมาณสินค้าผ่านเข้าออก 31.26 ล้านทีอียู ในปี 2012 PSA มีท่าเรือหลักอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือ Tanjong Pagar, Kappel, Brani, Pasir Panjang Terminal 1 และ Pasir Panjang Terminal 2 มีการเชื่อมโยงกับท่าเรืออื่นๆ อีกเป็นจำนวน 600 ท่าเรือเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ



ภาพแสดงพื้นที่ใช้สอยที่ท่าเรือ PSA กำลังดำเนินการอยู่ คือการถมทะเล
          ปัจจุบันท่าเรือ PSA เป็นท่าเรือที่ขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์มากที่สุดในโลกติดต่อกันหลายปี จากสถิติปี 2555 PSA Singapore Terminal มีสถิติขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ใกล้เคียงกับท่าเรือเซียงไฮ้ (Shanghai) ของจีน ปัจจุบันท่าเรือ PSA Singapore Terminal กำลังเร่งลงทุนขยายท่าเรือเพื่อเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นอีก      
ท่าเรือ PSA ยังได้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยรูปแบบการลงทุนในต่าง ประเทศโดยมีบริษัท PSA International เป็นตัวแทนในการลงทุนซึ่งมีท่าเรือทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา เช่น PSA Antwerp เป็นต้น
PSA ด้รับการยกย่องว่าบริหารงานดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สายการเดินเรือที่มาใช้บริการท่าเรือ PSA โดยเฉพาะความทันสมัยในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวกันว่า PSA เป็นท่าเรือซึ่งมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศดีที่สุดในโลก โดยใช้ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเวลาและค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังใช้ระบบคอมพิวเตอร์ CITOS หรือ Computer Integrated Terminal Operations System ซึ่งทำให้ผู้บริหารท่าเรือสามารถวางแผน ควบคุม และตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์แต่ละตู้ คนขับรถหัวลาก และเครนอย่างต่อเนื่อง
แม้ท่าเรือ PSA จะมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก แต่ก็พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา โดยมีนวัตกรรมสำคัญ 3 ประการ
ประการแรก ระบบ “Flow-Through Gate System” ได้รับรางวัลนวัตกรรมเมื่อปี 2542 เนื่องจากเป็นระบบที่ทันสมัยที่สุดในโลก มีประสิทธิภาพเหนือกว่าท่าเรือในยุโรปหรือสหรัฐฯ ทำให้การนำเข้า-ส่งออกตู้คอนเทนเนอร์จะผ่านพิธีการศุลกากรโดยใช้เวลาเพียง 20 - 25 วินาที/คัน นับว่าเร็วที่สุดในโลก


ประการที่สอง เป็นท่าเรือแห่งแรกของโลกที่ใช้นวัตกรรมใหม่ คือ Remote-controlled Overhead Bridge Crane ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เดิมพนักงานบังคับเครนแต่ละคน สามารถควบคุมเครนได้เพียง 1 ตัว แต่เมื่อใช้ระบบใหม่แล้ว พนักงานแต่ละคนสามารถควบคุมเครนได้มากถึง 6 ตัว โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ควบคุม คล้ายๆ กับเราใช้เมาส์ทำงานกับคอมพิวเตอร์ การทำงานจะเป็นแบบอัตโนมัติแทบทั้งหมด
ประการที่สาม มีการติดตั้งเครนขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Post-Panamax Quay Cranes เพื่อขนถ่ายสินค้าขึ้นลงเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ โดยแขนของเครนมีความยาวถึง 55 เมตร สามารถให้บริการแก่เรือที่มีขนาดความกว้างของลำตัวเรือไม่เกิน 18 ตู้ ปัจจุบันได้ก้าวสู่ “Super Crane” ซึ่งเป็นเครนขนาดใหญ่มีความยาวมากถึง 60 เมตร สามารถให้บริการแก่เรือที่มีความกว้างของลำตัวเรือมากถึง 22 ตู้
          นอกจากท่าเรือคอนเทนเนอร์แล้ว PSA Singapore Terminal ยังให้ความสำคัญต่อท่าเรือสินค้าทั่วไป (Multi-purpose terminal) โดยมีท่าเรือ Multi-purpose Terminal (MPT) of Pasir Panjang และ Sambawang Wharves ให้บริการ MPT โดยสามารถรองรับการขนถ่ายสินค้าประเภทรถยนต์ได้มากกว่า 1 ล้านคัน นอกจากนั้นยังมีระบบเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพไปยังเขตอุตสาหกรรมต่างๆอีกด้วย

          ผู้บริหารของ PSA Singapore Terminal กล่าวว่าประเด็นสำคัญที่ทำให้ PSA Singapore Terminal ประสบความสำเร็จก็คือ ทรัพยากรมนุษย์ โดย PSA Singapore Terminal ให้ความความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของพนักงานอยู่ตลอดเวลาทั้งทางด้านประสิทธิภาพการทำงาน และด้านอื่นๆ
          จะเห็นได้ว่า PSA นั้น ยอมลงทุนเป็นมูลค่ามหาศาลเพื่อยกระดับการเป็นท่าเรือเศรษฐกิจระดับโลก ผมเองยังคงทึ่งในศักยภาพการบริหารจัดการขอ PSA ซึ่งการนำเข้า-ส่งออกตู้คอนเทนเนอร์จะผ่านพิธีการศุลกากรโดยใช้เวลาเพียง 20 - 25 วินาที/คันซึ่งในวันหนึ่งรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สามารถทำรอบได้ถึง 10 รอบ แต่สำหรับท่าเรือของไทยนั้นการผ่านพิธีการศุลกากรใช้เวลาถึง 1 วันต่อ 1 รอบ !!! ท่านผู้อ่านเห็นศักยภาพไหมครับ

เอกสารอ้างอิง:
·       โบชัวร์การศึกษาดูงาน PSA Singapore Terminal วันที่ 13 มิถุนายน 2556

·       http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000018511 เข้าถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2556